เมื่อต่อแหล่งกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับเข้ากับสายอากาศที่อยู่ในแนวดิ่ง ประจุไฟฟ้าในสายอากาศจะเคลื่อนที่กลับไปมาด้วยความเร่งในแนวดิ่ง และเนื่องจากประจุไฟฟ้าที่เคลื่อนที่ด้วยความเร่งจะแผ่รังสี จึงทำให้เกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากระจายออกมาจากสายอากาศทุกทิศทาง ยกเว้นทิศที่อยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกับสายอากาศ
การเกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในทิศตั้งฉากกับสายอากาศเป็นดังรูป
จากรูป แสดงสายอากาศซึ่งเป็นแท่งโลหะสองแท่งต่อกับแหล่งกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ ถ้าความต่างศักย์เปลี่ยนแปลงกับเวลาในรูปไซน์ จะทำให้ประจุไฟฟ้าในสายอากาศเคลื่อนที่กลับไปมาในแท่งโลหะทั้งสองและจะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากระจายออกมาโดยรอบ
จากรูป แสดงสายอากาศซึ่งเป็นแท่งโลหะสองแท่งต่อกับแหล่งกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ ถ้าความต่างศักย์เปลี่ยนแปลงกับเวลาในรูปไซน์ จะทำให้ประจุไฟฟ้าในสายอากาศเคลื่อนที่กลับไปมาในแท่งโลหะทั้งสองและจะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากระจายออกมาโดยรอบ

รูป2แผนภาพการเกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเนื่องจากประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่กลับไปมาในสายอากาศและสนามไฟฟ้า 

เคลื่อนที่จากสายอากาศด้วยความเร็วแสง
(ไม่ได้แสดงสนาม
ไว้ในรูป)

เมื่อเวลา
แท่งโลหะล่างได้รับประจุไฟฟ้าบวกมากที่สุด ส่วนแท่งโลหะบนได้รับประจุไฟฟ้าลบมากที่สุด ทำให้เกิดสนามไฟฟ้า
ซึ่งมีค่ามากที่สุดและมีทิศพุ่งขึ้นที่จุด P (สนามไฟฟ้าแทนด้วยเวกเตอร์
และใช้สัญลักษณ์เป็นลูกศร) เมื่อเวลาผ่านไป สนามไฟฟ้าจะลดลงทำให้สนามไฟฟ้าที่เกิดใกล้สายอากาศ



ก็มีค่าลดลงด้วย ในขณะเดียวกัน สนามไฟฟ้าที่มีค่ามากที่สุด ณ เวลา
จะเคลื่อนที่จากสายอากาศด้วยความเร็ว
เท่ากับความเร็วแสงและเมื่อประจุไฟฟ้าเป็นกลาง


ณ เวลา


เมื่อเวลาผ่านไป


ต่อมาเมื่อถึงเวลา

เมื่อเวลาของการเคลื่อนที่กลับไปมาของประจุไฟฟ้าครบรอบ คือ

ดังรูป 2 (จ) สนามไฟฟ้าจะเกิดขึ้นตามกระบวนการซ้ำรอยเดิม เมื่อประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ครบรอบเสมอ
สำหรับสนามแม่เหล็ก
จะถูกเหนี่ยวนำให้เกิดขึ้นในทันทีที่มีสนามไฟฟ้า
เกิดขึ้น สนามไฟฟ้าทั้งสองจะมีการ
สำหรับสนามแม่เหล็ก


เปลี่ยนแปลงด้วยเฟสตรงกัน ถ้าสนามไฟฟ้าเป็นศูนย์ สนามแม่เหล็กก็เป็นศูนย์ด้วยทิศของสนามไฟฟ้า และสนามแม่เหล็กจะตั้งฉากซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกันทิศของสนามทั้งสองก็ตั้งฉากกับทิศของความเร็วในการเคลื่อนที่
ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าด้วย คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจึงเป็นคลื่นตามขวาง

รูป 3 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าประกอบด้วย
และ
ที่ตั้งฉากกัน รูป 4 ผลคูณเชิงเวกเตอร์ของ
และ 




รูป 3 แสดงสนามแม่เหล็ก
ที่เกิดจากการเหนี่ยวนำของสนามไฟฟ้า
ที่เปลี่ยนแปลง สนามไฟฟ้า และ


สนามแม่เหล็กจะเคลื่อนที่ไปตามแกน x ด้วยความเร็ว
เราอาจหาทิศของ
โดยใช้ผลคูณเชิงเวกเตอร์ของ 



และ
โดยใช้กฎมือขวา ถ้ากำนิ้วทั้งสี่ของมือขวาในทิศจาก
ไป
ผ่านมุม 90 องศา นิ้วหัวแม่มือจะชี้ทิศของ
ดังรูป 4




สรุปสมบัติของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ได้ดังนี้
- สนามไฟฟ้า
และสนามแม่เหล็ก
มีทิศตั้งฉากซึ่งกันและกันและตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเสมอ ดังนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจึงเป็นคลื่นตามขวาง
- สนามไฟฟ้า
และสนามแม่เหล็ก
เป็นฟังก์ชันรูปไซน์ และสนามทั้งสองจะเปลี่ยนแปลงตามเวลาด้วยความถี่เดียวกันและเฟสตรงกัน
- คลื่นเเม่เหล็กไฟฟ้าเเผ่ออกจากเเหล่งกำเนิดโดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง เเละเดินทางผ่านสุญญากาศด้วยอัตราเร็วเท่ากับอัตราเร็วของเเสง
- วัตถุใดดูดกลืนคลื่นเเม่เหล็กไฟฟ้า อุณหภูมิของวัตถุนั้นจะสูงขึ้น เเสดงว่ามีการถ่ายโอนพลังงานไปพร้อมกับคลื่นเเม่เหล็กไฟฟ้าเช่นเดียวกับคลื่นกล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น